นโยบายความเป็นส่วนตัว
นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้า
บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) มีจุดประสงค์แจ้งนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลที่กำหนดเกี่ยวกับเงื่อนไขการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สนใจเช่า และผู้ตกลงเช่าพื้นที่ศูนย์การค้าของบริษัท (“ผู้เช่าพื้นที่”) เพื่อให้ผู้เช่าพื้นที่ดังกล่าวทราบ
ทั้งนี้ เมื่อผู้เช่าพื้นที่ตกลง (1) ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เช่าพื้นที่เพื่อการจัดทำใบเสนอ และ/หรือ (2) ยอมรับใบเสนอราคารวมถึงตกลงลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่ (“สัญญาเช่าพื้นที่”) และนำส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัทแล้ว ทางบริษัทจะถือว่าผู้เช่าพื้นที่ตกลงและยอมรับที่จะปฏิบัติตามนโยบายฉบับนี้แล้ว
หากผู้เช่าพื้นที่ไม่ตกลงให้บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้นี้ บริษัทสงวนสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการเสนอราคา และ/หรือการลงนามในสัญญาเช่าพื้นที่และการปฏิบัติหน้าที่ที่บริษัทอาจมีภายใต้สัญญาเช่าพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้นโยบายฉบับนี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการปฏิบัติหน้าที่ของบริษัทที่ต้องดำเนิน การให้แก่ผู้เช่าพื้นที่
ทางบริษัทอาจปรับปรุงนโยบายฉบับนี้ตามแต่ละระยะเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและกฎหมายที่เกี่ยวข้องและให้สอดคล้องกับเงื่อนไขการเช่าพื้นที่ต่างๆ ภายใต้สัญญาเช่าพื้นที่ของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทจะแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงการเปลี่ยนแปลงด้วยการประกาศนโยบายฉบับปรับปรุงใหม่ ผ่านทางช่องทางการติดต่อของบริษัท
ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เช่าพื้นที่ที่บริษัทมีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูล มีดังนี้
- ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับท่าน อาทิ ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ รวมถึงเอกสารหลักฐานแสดงตัวตนของผู้เช่าพื้นที่
- ข้อมูลการติดต่อ ได้แก่ เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อมูลการติดต่ออื่นๆ
- ข้อมูลการชำระเงินต่างๆ ได้แก่ บัญชีธนาคาร เงินประกัน บัตรเครดิต รวมถึงหลักฐานธุรกรรมการชำระเงินที่อาจมีการดำเนินการระหว่างผู้เช่าพื้นที่และบริษัทภายใต้กรอบสัญญาเช่าพื้นที่
- ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่ผู้เช่าพื้นที่อาจแจ้งนำส่งหรือเปิดเผยให้แก่บริษัทเพื่อการใช้สิทธิหรือการขอการสนับสนุนต่างๆ ที่บริษัทอาจมีหน้าที่ตามสัญญาเช่าพื้นที่ต้องให้การบริการแก่ผู้เช่าพื้นที่
- ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ที่ผู้เช่าพื้นที่อาจให้ความยินยอมเปิดเผยและส่งต่อให้แก่บริษัทเพื่อประมวลผล
กรณีผู้เช่าพื้นที่ซึ่งเป็นนิติบุคคล อาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตัวแทนของผู้เช่าพื้นที่ ซึ่งได้แก่แต่ไม่จำกัดเพียง ชื่อนามสกุล บัตรประจำตัวประชาชน และข้อมูลติดต่ออื่นๆ ซึ่งผู้เช่าพื้นที่อาจแจ้ง ส่งต่อ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอื่นดังกล่าวให้แก่บริษัท ซึ่งกรณีที่ผู้เช่าพื้นที่ส่งต่อ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอื่นให้แก่บริษัท บริษัทจะถือว่าผู้เช่าพื้นที่ให้การรับประกันและรับรองสิทธิในการเปิดเผยและส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ให้แก่บริษัทโดยถูกต้องตามกฎหมาย โดยผู้เช่าพื้นที่ได้แจ้ง และขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลนั้นๆ อย่างครบถ้วนแล้วก่อนการเปิดเผยและส่งต่อข้อมูลให้แก่บริษัท นอก จากนี้ ผู้เช่าตกลงรับผิดชดใช้ความเสียหายใดๆที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัท อันเกิดจากการที่ผู้เช่าพื้นที่ดังกล่าวละเมิดการรับประกันหรือรับรองที่กำหนดไว้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นหรือเรียกร้องโดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้เช่าพื้นที่ ให้แก่บริษัทจะได้รับการเก็บ และใช้เพื่อจุดประสงค์ดังต่อไปนี้
- การติดต่อและการพิจารณาคุณสมบัติเงื่อนไขใบเสนอราคา รวมถึงเพื่อการเข้าทำสัญญาเช่าพื้นที่ และการปฏิบัติสิทธิหน้าที่ทั้งหมดที่บริษัทอาจมีกับผู้เช่าพื้นที่ ภายใต้สัญญาเช่าพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการบริหารจัดการสัญญา การติดตามและติดต่อเพื่อการชำระเงินค่าเช่า การสอบ ถามเกี่ยวกับระยะเวลาการเช่าพื้นที่ การให้บริการสนับสนุนต่างๆ ตามการร้องขอในแบบฟอร์มต่างๆ รวมถึงการบังคับปฏิบัติสิทธิและหน้าที่ต่างๆ ภายใต้สัญญาเช่าพื้นที่และ/หรือคำสั่งหรือคำแนะนำอื่นที่บริษัทอาจมีและบังคับใช้กับผู้เช่าพื้นที่เป็นการทั่วไป เช่น ในการปรับไหมหรือลงโทษตามสัญญาเช่าพื้นที่ เป็นต้น
- การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่บริษัทอาจต้องปฏิบัติตาม เช่น หน้าที่ในการจัดทำบัญชีและชำระภาษีซึ่งในกรณีการประมวลผลข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามหน้าที่ในกฎหมายนี้
- การปกป้องสิทธิในการฟ้องร้อง หรือการปฏิบัติสิทธิที่บริษัทอาจมีเหนือผู้เช่าพื้นที่ภายใต้สัญญาเช่าพื้นที่ตลอดระยะเวลาเช่าพื้นที่และภายหลังจากยกเลิกสัญญาเช่าพื้นที่หรือสัญญาเช่าพื้นที่สิ้นสุดลง
- กรณีที่ผู้เช่าพื้นที่ให้การยินยอมเป็นกรณีเฉพาะ บริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการติดต่อประชา สัมพันธ์ข่าวสารต่างๆที่ผู้เช่าพื้นที่อาจสนใจในอนาคต หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่บริษัทอาจประกาศให้ผู้เช่าพื้นที่ทราบตามแต่ละระยะเวลา
บริษัทจำเป็นต้องประมวลผลและเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เช่าพื้นที่ เพื่อจุดประสงค์ต่างๆที่ระบุไว้ข้างต้น (1) ตลอดระยะเวลาตราบเท่าระยะเวลาตามสัญญาเช่าพื้นที่และต่อเนื่องไปไม่เกิน 5 ปีภายหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาในการชำระเงินประกันต่างๆ กรณีสัญญาเช่าพื้นที่ระยะยาว หรือไม่เกินท้ายปีปฏิทิน ภายหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาการเช่า Booth ระยะสั้น (2) เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่การจัดทำบัญชีภาษีตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดเฉพาะ ให้บริษัทต้องดำเนินการ และ (3) กรณีได้รับความยินยอม บริษัทจะเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าท่านจะถอนความยินยอม
โดยหลักการแล้ว ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เช่าพื้นที่ที่บริษัทได้รับ จะได้รับการเก็บเป็นความลับ แต่บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยและส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ (i) ผู้ให้บริการภายนอกที่ให้บริการแก่ทางบริษัทและต้องให้บริการแก่ท่านในฐานะผู้เช่าพื้นที่ (ii) ในกรณีมีความจำเป็นที่บริษัทต้องใช้สิทธิในการปกป้องสิทธิอันชอบธรรมของบริษัท บริษัทอาจมีความจำเป็นเปิดเผยข้อมูลให้แก่ที่ปรึกษาของบริษัท เช่น ที่ปรึกษากฎหมายหรือทนายความ เป็นต้น (iii) บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการให้แก่หน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อการปฏิบัติตามหน้าที่ที่มีตามกฎหมาย ทั้งนี้ ในการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวทั้งหมด บริษัทจะดำเนินการนั้นเพียงเท่าที่จำเป็นตามหน้าที่ดังกล่าวเท่านั้น และ (iv) บุคคลอื่นที่ผู้เช่าพื้นที่อาจให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลให้แก่บุคคลเหล่านั้น
บริษัทรับประกันจัดให้มีมาตรการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสมเพื่อป้องกัน การเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดที่บริษัทได้รับ โดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ โดยบริษัทจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าวเป็นระยะเพื่อความเหมาะสมตามมาตรฐานในธุรกิจและโดยสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
บริษัทเคารพสิทธิตามกฎหมาย ของผู้เช่าพื้นที่และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอื่นในฐานะเจ้าของข้อมูล ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในการควบคุมของบริษัท โดยเจ้าของข้อมูลเหล่านั้นสามารถขอใช้สิทธิที่ท่านมีได้ตามเงื่อนไขกำหนดสิทธิที่ระบุไว้ในกฎหมาย ได้แก่ (1) สิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (2) สิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัททำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น (3) สิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (4) สิทธิขอให้ลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ เมื่อข้อมูลนั้นหมดความจำเป็น (5) สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือ (6) สิทธิถอนความยินยอม ในการประมวลผลข้อมูลที่เจ้าของ ข้อมูลเคยให้ไว้ตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ ทั้งนี้ ท่านสามารถติดต่อมายังบริษัทเพื่อดำเนินการขอใช้สิทธิข้างต้นได้ ตามรายละเอียดการติดต่อที่บริษัทแจ้ง ไว้โดยบริษัทจะแจ้งผลการพิจารณาคำร้องของท่านให้ทราบภายในระยะเวลาที่กำหนดในกรอบระยะเวลากฎหมาย
ช่องทางการติดต่อ
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
อีเมล์ : dpo-jas@jasasset.co.th
เบอร์โทร : 064-248-9291